โปเกมอน เดอะมูฟวี่ ตอน ย้อนเวลาตามล่าเซเลบี เป็นภาพยนตร์โปเกมอนเดอะมูฟวี่ที่ 4

เรื่องย่อ จาการพยายามที่จะตามหาเซเลบี เจ้าโปเกมอนน้อย ทำให้เขาหลุถย้อนเข้าไปในอถีตถึง 40 ปี หลงเข้าไปอยู่ในป่าใหญ่เพียงลำพัง แต่ได้รับการช่วยเหลือจากหญิงผู้หนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในป่านั้น เขาไม่ละความพยายามที่จะติดตามหาเจ้าเซเลบี แม้จะ ต้องพบกับอุปสรรคและอันตรากเหล่านักล่าโปเกมอน…

โซลอีทเตอร์ เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น แนว แอคชั่น ตลก แฟนตาซี

เนื้อเรื่อง

ในตอนแรกของเรื่อง เปิดตัวโดยมากะ อัลบาร์น ผู้ใช้อาวุธ กับอาวุธเคียวปีศาจ โซล อีทเตอร์ สามารถรวบรวมไข่วิญญาณ คิชิน ได้ 99 ดวง และเมื่อได้วิญญาณของแม่มดอีก 1 ดวงก็จะทำให้ อาวุธกลายเป็น เดธไซส์ได้ แต่ผลสุดท้ายทั้งคู่ได้วิญญาณดวงสุดท้ายที่ไม่ใช่วิญญาณของแม่มด แต่กลับกลายเป็นวิญญาณของแมวที่ชื่อว่า แบลร์ ท่านยมทูตจึงทำการให้ทั้งสองจึงต้องเริ่มรวบรวมวิญญาณใหม่และต้องร่วมมือกับ แบล็คสตาร์และสึบากิ ในบทเรียนซ่อมที่ท่านยมทูตได้กำหนดให้

โรงเรียนช่างเฉพาะกิจผลิตอาวุธชิบุเซ็น

โรงเรียนช่างเฉพาะกิจผลิตอาวุธชิบุเซ็น (Shinigami Buki Shokunin Senmon Gakkō) เป็นสถาบันที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อผลิตอาวุธที่ใช้ในการรักษาความสงบสุขและป้องกันการตื่นขึ้นของ “คิชิน” โดยมีท่านยมทูตเป็นผู้ดูแลทั้งในชิบุเซ็นและเดธซิตี้ และมีเหล่าเด็กนักเรียนทั้งผู้ใช้อาวุธและอาวุธอยู่ที่นี่ด้วย สถาบันนี้ตั้งอยู่ที่ เดธซิตี้ (Death City) ในรัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา

คิชิน (Kishin :: Evil Demon Gods) ปีศาจที่เคยเกือบจะทำลายโลกใบนี้มาแล้วปัจจุบันถูกผนึกอยู่ใต้ดินของชิบุเซ็น

สาเหตุการเกิดคิชิน คือ การที่ผู้ใช้หรืออาวุธละเมิดกฎโดยการกินวิญญาณที่ไม่อยู่ในลิสต์หรือวิญญาณผู้บริสุทธิ์ จนอาวุธนั้นมีพลังเพิ่มขึ้นจากนั้น อาวุธถูกผู้ใช้ก็กินเข้าไปอีกที กลายเป็นคิชิน ทำให้เป็นภัยคุกคามสำหรับเดธซิตี้ และเป็นจุดประสงค์ที่ต้องก่อตั้งชิบุเซ็นขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุนี้

วิญญาณของคิชิน คือ วิญญาณของมนุษย์ที่กินวิญญาณของมนุษย์ธรรมดาเข้าไปมากมาย หรือคนที่มความผิดถึงระดับกลายป็นคนเลวเกินจนกลับตัวไม่ได้ จนเปลี่ยนเป็นปีศาจและไม่อาจกลับมาเป็นมนุษย์ธรรมดาได้แล้ว และยังมีความเสี่ยงที่อาจจะกลายเป็นคิชินได้ จึงเป็นหน้าที่ของชิบุเซ็นที่จะต้องกำจัดเสียแต่เนิ่นๆ ข้อสังเกต :: วิญญาณมนุษย์จะมีสีฟ้า แต่ไข่วิญญาณคิชินจะมีสีแดงจ้าและวิญญาณแม่มดจะเป็นสีม่วง

ผู้ใช้อาวุธ (Meisters) มนุษย์ผู้ใช้อาวุธ ที่มีพลังวิญญาณประสานกับอาวุธใช้สู้

อาวุธ (Weapon) มนุษย์ที่มีรูปแบบวิญญาณแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป จึงทำให้สามารถเปลี่ยนรูปร่างไปเป็นอาวุธได้ หรือสามารถเปลี่ยนบางส่วนของร่างกายเป็นอาวุธเพื่อต่อสู้ได้

เดธไซส์ (Death Scythe) อาวุธที่ได้กินวิญญาณไข่ของคิชิน 99 ดวง และวิญญาณแม่มด 1 ดวง เมื่อกลายเป็นเดธไซต์แล้วก็จะกลายเป็นอาวุธของยมทูต เพราะท่านยมทูตไม่อาจไปจากชิบุเซ็นได้ จึงจำเป็นต้องส่งเดธไซส์ไปนำทัพตามสถานที่ต่างๆทั่วโลกเพื่อดูแลรักษาความสงบสุข แต่ก็มีความเสี่ยงอยู่คือ อาวุธต้องกินวิญญาณแม่มด หลังจากที่กินวิญญาณไข่ของคิชิน 99 ดวงเท่านั้น ถ้าเกิดว่ากินวิญญาณอื่นเข้าไป จำนวนวิญญาณที่อาวุธกินเข้าไปจะกลายเป็นศูนย์ทันที แต่ในกรณีที่อาวุธกินวิญญาณของคนดีที่มีพลังวิญญาณมากกว่าคนปกติถึง 99 เท่า กับกินวิญญาณแม่มดเข้าไปอีกดวงหนึ่งก็จะกลายเป็นเดธไซส์

แม่มด(Witch) ผู้หญิงที่มีพลังเวทในตัวกับสามารถใช้ได้ โดยจะมีวิญญาณเป็นสีม่วง

โดราเอมอน ตอน ไดโนเสาร์ของโนบิตะ

โนบิตะรู้สึกเจ็บใจที่ซึเนะโอะไม่ยอมให้ตนเองได้ดูฟอสซิลเล็บไดโนเสาร์แบบชัดๆ เลยเผลอหลุดปากประกาศต่อหน้าพวกซึเนะโอะว่า จะขุดฟอสซิลไดโนเสาร์มาให้ดูเป็นขวัญตา ทว่าเมื่อนำเรื่องนี้ไปบอกโดราเอมอน ก็กลับถูกโดราเอมอนต่อว่าเสียยกใหญ่ ดังนั้นโนบิตะจึงตั้งใจที่จะพึ่งพากำลังของตนเอง ด้วยการไปขุดหาฟอสซิลไดโนเสาร์ตามที่ต่างๆ และในระหว่างนั้น เขาก็ขุดพบหินประหลาดโดยเชื่อว่าเป็นไข่ของไดโนเสาร์ เมื่อนำกลับไปบ้าน โดราเอมอนก็เอาผ้าคลุมกาลเวลาออกมาให้ใช้ เพื่อย้อนเวลาให้สภาพของไข่ใบนั้นกลับคืนเหมือนในอดีต แล้วไข่ก็ฟักออกมาเป็นตัวไดโนเสาร์พันธุ์ฟุตาบะซึซึกิ โนบิตะตั้งชื่อให้ไดโนเสาร์ตัวนั้นว่า “พีสุเกะ”

แม้จะได้ไดโนเสาร์ตัวจริงมาสมใจอยาก แต่โนบิตะก็ยังไม่ยอมเอาพีสุเกะไปอวดพวกซึเนะโอะ เพราะอยากเลี้ยงให้ตัวโตมากๆ เสียก่อน ทว่าเมื่อเลี้ยงไปเรื่อยๆ พีสุเกะก็ตัวใหญ่มากขึ้นจนไม่สามารถเลี้ยงในบ้านได้อีกต่อไป โนบิตะจึงต้องพาพีสุเกะไปแอบซ่อนตัวอยู่ในสระน้ำของสวนสาธารณะแทน แต่ความลับไม่มีในโลก เมื่อเกิดข่าวลือว่า มีคนพบสัตว์ประหลาดในสระน้ำของสวนสาธารณะ และจะมีการส่งนักประดาน้ำลงไปสำรวจในสระนั้น ทำให้โนบิตะกลุ้มใจอย่างหนัก เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เรื่องของพีสุเกะถูกเปิดเผย ในขณะนั้นเอง บุรุษชุดดำก็ได้ปรากฏตัวขึ้น เขาบอกกับโนบิตะว่าอยากจะขอซื้อตัวพีสุเกะ แต่โนบิตะยืนกรานว่าไม่ยอมขาย เมื่อบุรุษชุดดำกลับไป โนบิตะจึงตัดสินใจที่จะเอาตัวพีสุเกะกลับไปไว้ที่โลกดึกดำบรรพ์

หลายวันต่อมา โนบิตะก็สุดจะอดกลั้น เนื่องจากไม่มีใครยอมเชื่อว่าโนบิตะเลี้ยงไดโนเสาร์ไว้จริงๆ เขาเลยขอร้องให้โดราเอมอนเอาทีวีกาลเวลาออกมาให้พวกซึเนะโอะได้เห็นพีสุเกะที่อยู่ในโลกดึกดำบรรพ์ เมื่อได้ดูภาพจากทีวี ก็พบว่าพีสุเกะไม่สามารถเข้ากับไดโนเสาร์ตัวอื่นได้ ทำให้โดราเอมอนรู้ว่า พวกตนได้พาพีสุเกะไปส่งในแถบอเมริกาเหนือ ซึ่งที่นั่นไม่ใช่ถิ่นกำเนิดของไดโนเสาร์พันธุ์ฟุตาบะซึซึกิอย่างพีสุเกะ เมื่อได้ยินดังนั้น โนบิตะจึงรีบขอให้โดราเอมอนนั่งไทม์แมชชีนไปพาตัวพีสุเกะกลับมาทันที ส่วนชิซุกะ ไจแอนท์ และซึเนะโอะก็ได้ขอตามไปด้วย ส่งผลให้จำนวนบรรทุกเกินอัตรา แถมระหว่างทางยังถูกบุรุษชุดดำตามมายิงปืนใส่อีก 1 ที ทำให้ไทม์แมชชีนพังเสียหายจนไม่สามารถซ่อมแซมให้ใช้การเหมือนเดิมได้ ด้วยเหตุนี้ พวกโนบิตะจึงต้องออกเดินทางผจญภัยในโลกดึกดำบรรพ์ ต่อสู้กับเหล่าวายร้ายบุรษชุดดำ ซึ่งเป็นนักล่าไดโนเสาร์ที่จ้องจะจับพีสุเกะไปเป็นสัตว์เลี้ยงของอัครมหาเศรษฐีในโลกอนาคต และพยายามหาทางกลับไปประเทศญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันให้ได้

คินดะอิจิ กับคดีฆาตกรรมปริศนา เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น แนวสืบสวนสอบสวน

คินดะอิจิ ฮาจิเมะ ตัวละครหลักของเรื่อง เป็นหลานชายของคินดะอิจิ โคสุเกะ ผู้มีศักดิ์เป็นปู่ ยอดนักสืบชื่อดังในอดีต คินดะอิจิชื่นชอบและมีความสามารถในด้านการสืบสวนสอบสวนเป็นอย่างมาก โดยยืดเอาคินดะอิจิ โคสุเกะ เป็นต้นแบบ มีเพื่อนสนิทในวัยเด็กและเพื่อนร่วมชั้นคือ นานาเสะ มิยูกิ ที่ติดตามคินดะอิจิไปพบกับเรื่องราวคดีฆาตกรรมหลายต่อหลายครั้ง คินดะอิจิถูกมิยูกิ บังคับให้มาเป็นเพื่อนซ้อมละครเรื่อง The Phantom of the Opera ที่โรงละครโอเปร่าที่โรงแรมที่ตั้งอยู่บนเกาะโดดเดี่ยว

ต่อมาภายหลังเกิดคดีฆาตกรรมขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นนักสืบของคินดะอิจิและได้พบกับสารวัติอาเคจิและผู้หมวดเคนโมจิครั้งแรก หลายต่อหลายครั้งที่เกิดคดีฆาตกรรม คินดะอิจิและมิยูกิจะร่วมอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเสมอ ทั้งสารวัตรอาเคจิและหมวดเคนโมจิ ต่างยอมรับในฝีมือด้านการสืบสวนของคินดะอิจิที่ไม่ทิ้งเชื้อสายจากคินดะอิจิ โคสุเกะ ที่ช่วยสามารถคลี่คลายคดีที่เกิดขึ้นได้สำเร็จ

ไหวพริบปฏิภาณ สติปัญญาอันเฉียบแหลมที่สามารถมองทะลุถึงแผนการฆาตกรรมของคนร้าย ทำให้คินดะอิจิมีชื่อเสียงในแวดวงตำรวจ และสะดุดตาของนักอาชญากรรมตัวร้ายอย่าง ทากาโต้ โยจิอิ หรือ “นักมายากลจากนรก” ผู้อยู่เบื้องหลังการก่อคดีอาชญากรรมที่เต็มไปด้วยความสวยงาม คินดะอิจิถูกทากาโต้ใช้แผนซ้อนแผนและมายากล หลอกจนหัวปั่นและก่อคดีฆาตกรรมได้สำเร็จ และกลายเป็นศัตรูคู่ปรับในการไขคดีปริศนาฆาตกรรมหลายต่อหลายครั้ง

ผลงานจากนักเขียนมากความสามารถ อย่าง Okada mari ต้องถูกเลื่อน

ทีมงานของ Nakitai Watashi wa Neko woKaburu (เมื่อฉันอยากร้องไห้ จะกลายร่างเป็นแมว) ภาพยนตร์อนิเมเรื่องที่สองของสตูดิโอ Colorido ที่เคยมีผลงานอย่าง Penguin Highway มาก่อน ได้มีประกาศว่าภาพยนตร์อนิเมเรื่องนี้จะออกฉายทั่วโลกทาง Netflix ในวันที่ 18 มิถุนายน หลังจากที่ภาพยนตร์มีกำหนดฉายตอนแรกในวันที่ 5 มิถุนายน แต่ต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัส COVID-19

Okada Mari

สำหรับเรื่องราวในภาพยนตร์จะเกิดขึ้นในเมืองโทโคนาเมะ จังหวัดไอจิ เด็กสาวชั้นมัธยมต้นนามว่า Sasaki Miyo ผู้มีนิสัยร่าเริงสุดพลัง จนบางทีก็มักลืมอ่านบรรยากาศรอบตัวจนทำให้คนอื่นแปลกใจอยู่เสมอ เพื่อน ๆ เรียกเธอว่า “Muge” (หรือที่ย่อมาจาก Mugendai Nazo Ningen – มนุษย์ที่มีความลึกลับเป็นอนันต์) แต่แล้ววันหนึ่ง ความลึกลับนี้กลับเข้ามาเยือน จนทำให้ชีวิตเธอต้องเปลี่ยนไป

จริง ๆ แล้วเธอเองก็ตกหลุมรักเพื่อนร่วมชั้นอย่าง Hinode Kento แต่ว่าแม้เธอจะพยายามขนาดไหน Hinode ก็ไม่เคยสนใจเธอเลย แต่ว่า Muge เองก็มีความลับอย่างหนึ่ง นั่นคือเธอมีหน้ากากวิเศษที่ใช้แปลงร่างเป็นแมวน้อยชื่อ Taro และด้วยเวทมนตร์วิเศษนี้ ทำให้เธอสามารถเข้าถึง Hinode ได้ แม้ว่าเธออาจมีสิทธิไม่สามารถกลับร่างเป็นคนได้อีกเลยก็ตาม

สำหรับชื่อเรื่อง ที่ใช้คำว่า Neko wo Kaburu นั้น แปลตรง ๆ จะได้ความหมายว่า “สวมแมว” เหมือนกับ “สวมหมวก” อะไรทำนองนี้ แต่ในความหมายที่แท้จริงของมัน หมายถึงการ “แสร้งทำ” หรือ “แสร้งทำเป็นแมว” นั่นเอง